ยา Dolutegravir เป็นยาต้านเชื้อเอชไอวี ในกลุ่ม Integrase inhibitor ออกฤทธิ์ยับยั้งกระบวนการรวมรหัสพันธุกรรมของไวรัสเข้ากับรหัสพันธุกรรมของเซลล์เม็ดเลือดขาวในมนุษย์ ( Integrase) ใช้ได้สำหรับ เด็กอายุ 6 ปีขึ้นไป และผู้ใหญ่
ในการต้านเชื้อเอชไอวีจำเป็นต้องใช้ยาหลายตัวผสมกัน ไม่สามารถใช้เพียงตัวเดียวได้ ซึ่ง จะต้องมียาที่ออกฤทธิ์ยับยั้งไวรัสในกลไกที่ต่างกัน ตัวอย่างเช่น
แนวทางการรักษาและป้องกันการติดเชื้อเอชไอวีของประเทศไทยปี 2564/2565 แนะนำให้ใช้สูตรยาที่มีหนึ่งในนั้นเป็น Dolutegravir เป็นส่วนประกอบสำหรับทั้งป้องกันเอชไอวี และรักษาผู้มีเชื้อเอชไอวี
ทั้งนี้ผลิตภัณฑ์ยาที่ใช้ มีหลากหลาย ได้แก่
ตัวอย่างผลิตภัณฑ์ของ Dolutegravir ที่มีในประเทศไทย ได้แก่
ข้อควรคำนึงเกี่ยวกับยา Dolutegravir
แหล่งอ้างอิง
วิธีการ
การศึกษาในครั้งนี้เป็นการทดลองทางคลินิกแบบสุ่มและปกปิดสองชั้น (Randomized double-blind clinical trial) โดยมีผู้ป่วย 30 คนที่ได้รับการรักษาด้วยยาต้านไวรัสที่แม้ระดับไวรัสจะถูกกดแล้ว แต่ยังมีภาวะล้มเหลวทางภูมิคุ้มกัน ผู้ป่วยถูกแบ่งออกเป็น 2 กลุ่มเท่าๆ กัน กลุ่ม A ได้รับยาหลอก กลุ่มB ได้รับแคปซูลโปรไบโอติก 2 แคปซูลต่อวัน โดยมีจำนวนโคโลนี 10⁹ CFU ต่อแคปซูลซึ่งมีเชื้อจุลินทรีย์ 7 สายพันธุ์ หลังจาก 3 เดือน ได้ทำการตรวจสอบจำนวน CD4+ โดยวิธีโฟลไซโตเมทรี และหลังจากช่วงเวลาล้างยาหนึ่งเดือน ทำการทดลองสลับกันโดย ผู้เข้าร่วมที่เคยได้รับโปรไบโอติกได้รับยาหลอก และผู้เข้าร่วมที่เคยได้รับยาหลอกก็ได้รับโปรไบโอติกเป็นเวลา 3 เดือน จากนั้นพวกเขาได้รับการตรวจสอบจำนวน CD4+ 7 เดือนหลังจากเริ่มการศึกษา
ผลลัพธ์
ในกลุ่มแรก (A) การให้ยาหลอกส่งผลให้จำนวน CD4 ลดลงในช่วง 3 เดือนแรก (จาก 202.21 เป็น 181.79, ค่า p < .001) ซึ่งอาจเกิดจากลักษณะการดำเนินของโรค หลังจากการให้โปรไบโอติก จำนวน CD4 เพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ (จาก 181.79 เป็น 243.86, ค่า p < .001) โดยรวมแล้ว หลังจากการศึกษา 7 เดือน มีการเพิ่มขึ้นของค่าเฉลี่ย CD4 อย่างมีนัยสำคัญจาก 202.21 เป็น 243.86 (ค่า p < .001)
ในกลุ่มที่สอง (B) การให้โปรไบโอติกในช่วง 3 เดือนแรกของการศึกษา ส่งผลให้ค่าเฉลี่ย CD4 เพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ (จาก 126.45 เป็น 175.73, ค่า p < .001) เมื่อหยุดให้โปรไบโอติกส่งผลให้จำนวน CD4 ลดลงอย่างมีนัยสำคัญ (จาก 175.73 เป็น 138.9, ค่า p < .001) แต่โดยรวมแล้วจำนวน CD4 เมื่อสิ้นสุดการศึกษายังคงสูงกว่าระดับเริ่มต้นอย่างมีนัยสำคัญ (ค่า p < .001)
สรุปผลการศึกษา
การใช้โปรไบโอติกเพื่อป้องกันและบรรเทาอาการต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับระบบทางเดินอาหารและปรับปรุงภูมิคุ้มกันของเนื้อเยื่อเกี่ยวข้องกับลำไส้ในผู้ติดเชื้อ HIV โดยการปรับฟังก์ชันของเกราะป้องกันเยื่อบุผิวและองค์ประกอบของ Microbiota สามารถนำไปสู่การเพิ่มจำนวนเซลล์ CD4+ ในผู้ป่วย HIV ที่มีความล้มเหลวทางภูมิคุ้มกัน การให้โปรไบโอติกทุกวันในขนาดที่เหมาะสม (สองแคปซูลที่มีจำนวนโคโลนี 10⁹ CFU ในการศึกษาของเรา) แก่ผู้ป่วย HIV ที่ยากดเชื้อได้แต่ภูมิคุ้มกันยังต่ำ ส่งผลให้จำนวนเซลล์ CD4+ เพิ่มขึ้นชั่วคราว
ขอบคุณแหล่งข้อมูลจาก
ประเภทหน่วยงาน ซึ่งเป็นรางวัลที่มอบให้แก่บุคคลและหน่วยงานที่สนับสนุน ส่งเสริม การดำเนินงานเพื่อพัฒนาคุณภาพชีวิต และศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ของบุคคลหลากหลายทางเพศ ทั้งยังที่มีสัมพันธภาพที่ดี มีความเป็นมิตร ต่อบุคคลหลากหลายทางเพศ ณ ห้องประชุมชั้น 10 กระทรวงยุติธรรม นับเป็นความภาคภูมิใจของทีมเจ้าหน้าที่แคร์แมทเป็นอย่างยิ่ง