คัดลอกจากและนำเสนอเนื้อหาบางส่วนจาก บทความวิชาการเพื่อการศึกษาต่อเนื่องทางเภสัชศาสตร์
เรื่อง การใช้และความปลอดภัยของฮอร์โมนสาหรับเปลี่ยนกายภาพ ทางเพศในหญิงข้ามเพศ (Use and safety of hormone treatment for transforming physical sexual appearance in transgender women)
รศ. ดร. ภญ.จุราพร พงศ์เวชรักษ์
สาขาวิชาการบริบาลทางเภสัชกรรม, คณะเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์
ความปลอดภัยของการได้รับฮอร์โมน ในหญิงข้ามเพศ
โรคหัวใจร่วมหลอดเลือด [6, 8, 9]
ในภาพรวม การศึกษาเชิงระบาดวิทยาชนิด retrospective cohort หลายการศึกษาในยุโรป ติดตามผลเป็นระยะเวลา 4 ปี จนถึงตลอดชีวิต พบว่าหญิงข้ามเพศ มีความเสี่ยงต่อการเกิดโรคหลอดเลือดหัวใจสูงกว่าหญิงทั่วไป ด้วยช่วงอัตราความเสี่ยง 1 ถึง 2.9 และมีอัตราการเสียชีวิตจากหัวใจขาดเลือด 1.64 เท่า (95%CI 1.43-1.87) เมื่อเทียบกับประชากรทั่วไป และเพิ่มขึ้นเป็น 3.12 (95% CI, 1.28–7.63) ในกลุ่มที่ได้รับ ethinyl estradiol 100 ไมโครกรัมต่อวัน ร่วมกับ CPA 100 มิลลิกรัมต่อวัน เปรียบเทียบกับผู้ที่ไม่ได้ใช้ฮอร์โมนหรือเคยได้รับ [18-19] ซึ่งในปัจจุบัน ethinyl estradiol ไม่มีที่ใช้ในหญิงข้ามเพศอีกต่อไป อย่างไรก็ตาม ความเสี่ยงต่อโรคหัวใจร่วมหลอดเลือดที่เพิ่มขึ้น อาจเป็นผลจากปัจจัยเสี่ยงอื่นที่ทราบกันดีอยู่แล้วได้แก่ ดัชนีมวลกายที่สูง สูบบุหรี่ ความดันโลหิตสูง โรคเบาหวาน ภาวะคอเลสเตอรอลในเลือดสูงและการดารงชีวิตที่ไม่มีการออกแรงกาย อายุเมื่อเริ่มการใช้ฮอร์โมนเพื่อเปลี่ยนสภาพเพศ ก็มีความสาคัญต่อระยะเวลาของการมีปัจจัยเสี่ยง อย่างไรก็ตาม พบว่าหญิงข้ามเพศที่ได้รับฮอร์โมน มีระดับไขมันที่ดี คือ มีระดับ HDL-C เพิ่มขึ้นและระดับ LDL-C ลดลง [15, 19] เมื่อพิจารณาจากข้อจากัดของรูปการศึกษาที่เป็นข้อมูลย้อนหลังและเป็นกลุ่มประชากรยุโรป ยังไม่อาจสรุปได้ว่าหญิงข้ามเพศที่ได้รับฮอร์โมนมีอัตราการเสียชีวิตจากโรคหัวใจร่วมหลอดเลือดสูงกว่าหญิงทั่วไป และไม่อาจนามาคาดการณ์กับหญิงข้ามเพศไทยได้
การเกิดโรคหลอดเลือดสมองอุดตันหรือภาวะสมองขาดเลือดชั่วขณะ พบว่าการศึกษาให้ผลที่ไม่สอดคล้องกัน ซึ่งอาจเนื่องจากรูปแบบการศึกษาที่แตกต่างกัน มีทั้งการศึกษาชนิด cross-sectional และการศึกษาชนิด retrospective cohort จึงทาให้การรายงานผลมีทั้งอัตราความชุก/อุบัติการณ์ และอัตราเสี่ยง รวมถึงกลุ่มเปรียบเทียบมีทั้งชายและหญิงทั่วไป [18]
ดังนั้นอุบัติการณ์ที่แท้จริงของเหตุการณ์ด้านหัวใจร่วมหลอดเลือดรวมถึงการเสียชีวิตจากสาเหตุดังกล่าว ยังต้องการการศึกษาที่มีกลุ่มตัวอย่างขนาดใหญ่และติดตามไปข้างหน้าในระยะเวลาที่นานเพียงพอ ซึ่งในปัจจุบันนี้มีการศึกษาที่เป็นข้อมูล real world ในยุโรป กาลังดาเนินการอยู่ต่อเนื่อง [15]
ลิ่มเลือดอุดหลอดเลือดดำ [6, 8, 9]
เป็นที่ทราบกันดีว่า ฮอร์โมนเอสโตรเจนมีคุณสมบัติก่อลิ่มเลือด ทาให้เพิ่มความเสี่ยงลิ่มเลือดอุดหลอดเลือดดำ ซึ่งขึ้นกับขนาดยา และปัจจัยบุคคลด้วย ได้แก่ อายุที่เพิ่มขึ้น ดัขนีมวลกายสูงกว่า 25 กก./ม.2 ปัจจัยทางพันธุกรรม ประวัติเคยเกิดลิ่มเลือดอุดหลอดเลือดดำมาก่อน การศึกษาในหญิงข้ามเพศ หลังจากได้รับฮอร์โมนไป 2 และ 8 ปี มีความเสี่ยงต่ออุบัติการณ์ของลิ่มเลือดอุดหลอดเลือดดำสูงกว่าบุคคลโดยทั่วไป โดยมี risk difference เมื่อเทียบกับเพศชายทั่วไป 4 (95% CI 1.6-6.7) และ 16.7 (6.4-27.5) และเมื่อเทียบกับเพศหญิงทั่วไป 3.4 (1.1-5.6) และ 13.7 (4.1-22.7) ตามลาดับ ระยะเวลาของการได้รับฮอร์โมนที่นานขึ้น การได้รับ CPA ร่วมและการได้รับเอสโตรเจนรูปแบบรับประทาน จะเพิ่มความเสี่ยง ในขณะที่รูปแบบแผ่นติดผิวหนังและเจลทาผิวหนังไม่มีผลเพิ่มความเสี่ยง ดังนั้นในหญิงข้ามเพศทุกรายที่มีปัจจัยเสี่ยง หรือในรายที่อายุ 40 ปีขึ้นไป จึงแนะนําให้ใช้เอสโตรเจนรูปแบบทางผิวหนัง
การทบทวนอย่างเป็นระบบและวิเคราะห์ชนิดอภิมาน ที่ประกอบด้วยข้อมูลจาก 18 การศึกษา ในหญิงข้ามเพศกว่า 10000 คน พบอัตราความชุกของเหตุการณ์ลิ่มเลือดอุดหลอดเลือดดำรวมร้อยละ 2 และความชุกสูงขึ้นตามอายุและระยะเวลาที่ได้รับฮอร์โมน หญิงข้ามเพศที่อายุเฉลี่ยไม่เกิน 37 ปี หรือได้รับฮอร์โมนไม่เกินระยะเวลา 1 ปี ไม่พบความเสี่ยงที่เพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสาคัญ [20]
มะเร็ง [6-9]
มะเร็งเต้านมและมะเร็งต่อมลูกหมาก เป็นมะเร็งที่ไวต่อฮอร์โมน ข้อมูลย้อนหลังในกลุ่มหญิงข้ามเพศ ประเทศเนเธอร์แลนด์และสหรัฐอเมริกา ในระหว่างการได้รับฮอร์โมนต่อเนื่อง พบว่าอัตราของอุบัติการณ์มะเร็งเต้านมในหญิงข้ามเพศไม่ได้สูงกว่าหญิงทั่วไป แต่สูงกว่าผู้ชายทั่วไป ดังนั้นหญิงข้ามเพศจึงควรรับการคัดกรองเช่นเดียวกับหญิงทั่วไป มะเร็งต่อมลูกหมาก เป็นมะเร็งที่เกี่ยวข้องกับฮอร์โมนเพศชายเทสโทสเตอโรน ในหญิงข้ามเพศที่ได้รับฮอร์โมนต้านแอนโดรเจน มีอัตราของอุบัติการณ์ต่ำากว่าในชายทั่วไป (incidence ratio 0.2, 95% CI 0.08-0.42)
กลุ่มที่ใช้ฮอร์โมนเอสโตรเจนและยาต้านฮอร์โมนเพศชาย CPA มีรายงานความชุกของเนื้องอกต่อมใต้สมอง ชนิดที่สร้างฮอร์โมนโปรแลคติน (prolactinoma) และเนื้องอกของเยื่อหุ้มสมอง (meningioma) สูงขึ้น ซึ่งยังไม่ทราบเหตุผล
เอกสารอ้างอิง
6. Hembree WC, Cohen-Kettenis PT, Gooren L, Hannema SE, Meyer WJ, Murad MH, Rosenthal SM, Safer JD, Tangpricha V, T’Sjoen GG. Endocrine treatment of gender-dysphoric/gender-incongruent persons: an endocrine society clinical practice guideline. J Clin Endocrinol Metab 2017; 102(11): 3869–903. doi: 10.1210/jc.2017-01658.
- ศูนย์เชี่ยวชาญเฉพาะทางด้านสุขภาพคนข้ามเพศ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย. วรพล รัตนเลิศ และ กฤติมา สมิทธิ์
พล, บรรณาธิการ. คู่มือการให้บริการสุขภาพคนข้ามเพศประเทศไทย.-พิมพ์ครั้งที่ 1.-กรุงเทพฯ : กันต์รพีเพรส จากัด. 2563. หน้า 27-44, 135-154.
- Glintborg D, T’Sjoen G, Ravn P, Andersen MS. Management of endocrine disease: optimal feminizing hormone treatment in transgender people. Eur J Endocrinol 2021; 185(2): R49–R63. doi: 10.1530/EJE-21-0059.
- Mahan RJ, Bailey TA, Bibb TJ, Fenney M, Williams T. Drug therapy for gender transitions and health screenings in transgender older adults. J Am Geriatr Soc 2016; 64(12): 2554–59. doi: 10.1111/jgs.14350.
- Haupt C, Henke M, Kutschmar A, Hauser B, Baldinger S, Saenz SR, Schreiber G. Antiandrogen or estradiol treatment or both during hormone therapy in transitioning transgender women. Cochrane Database Syst Rev. 2020; 11(11): CD013138. doi: 10.1002/14651858.CD013138.pub2.
- Cirrincione LR., Huang KJ. Sex and gender differences in clinical pharmacology: implications for transgender medicine. Clin Pharmacol Ther 2021; 110(4): 897-908. doi: 10.1002/cpt.2234.
- Patel H, Arruarana V, Yao L, Cui X, Ray E. Effects of hormones and hormone therapy on breast tissue in transgender patients: a concise review. Endocrine 2020; 68(1): 6–15. doi: 10.1007/s12020-020-02197-5. 13. Burinkul S, Panyakhamlerd K, Suwan A, Tuntiviriyapun P, Wainipitapong S. Anti-androgenic effects comparison between cyproterone acetate and spironolactone in transgender women: a randomized controlled trial. J Sex Med 2021; 18(7): 1299-307. doi: 10.1016/j.jsxm.2021.05.003.
- Singh-Ospina N, Maraka S, Rodriguez-Gutierrez R, Davidge-Pitts C, Nippoldt TB, Prokop LJ, Murad MH. Effect of sex steroids on the bone health of transgender individuals: a systematic review and meta-analysis. J Clin Endocrinol Metab 2017; 102(11): 3904–13. doi: 10.1210/jc.2017-01642.
- Cocchetti C, Romani A, Collet S, Greenman Y, Schreiner T, Wiepjes C, den Heijer M, T’Sjoen G, Fisher AD. The ENIGI (European Network for the Investigation of Gender Incongruence) study: overview of acquired endocrine knowledge and future perspectives. J Clin Med 2022; 11(7): 1784. doi: 10.3390/jcm11071784.
- Wiepjes CM, de Jongh RT, de Blok CJ, Vlot MC, Lips P, Twisk JW, den Heijer M. Bone safety during the first ten years of gender-affirming hormonal treatment in transwomen and transmen. J Bone Miner Res 2019; 34(3): 447–54. doi: 10.1002/jbmr.3612.
- Iwamoto SJ, Defreyne J, Rothman MS, Van Schuylenbergh J, Van de Bruaene L, Motmans J, T’Sjoen G. Health considerations for transgender women and remaining unknowns: a narrative review. Ther Adv Endocrinol Metab 2019; 10: 2042018819871166. doi: 10.1177/2042018819871166.
- Connelly PJ, Marie Freel E, Perry C, Ewan J, Touyz RM, Currie G, Delles C. Gender-affirming hormone therapy, vascular health and cardiovascular disease in transgender adults. Hypertension 2019; 74(6): 1266-74. doi: 10.1161/HYPERTENSIONAHA.119.13080.
- Defreyne J, Van de Bruaene LDL, Rietzschel E, Van Schuylenbergh J, T’Sjoen GGR. Effects of gender-affirming hormones on lipid, metabolic, and cardiac surrogate blood markers in transgender persons. Clin Chem 2019: 65(1): 119–34. doi: 10.1373/clinchem.2018.288241.
- Totaro M, Palazzi S, Castellini C, Parisi A, D’Amato F, Tienforti D, Baroni MG, Francavilla S, Barbonetti A. Risk of venous thromboembolism in transgender people undergoing hormone feminizing therapy: a prevalence meta-analysis and meta-regression study. Front Endocrinol 2021; 12: 741866. doi: 10.3389/fendo.2021.741866.
Totaro M, Palazzi S, Castellini C, Parisi A, D’Amato F, Tienforti D, Baroni MG, Francavilla S, Barbonetti A. Risk of venous thromboembolism in transgender people undergoing hormone feminizing therapy: a prevalence meta-analysis and meta-regression study. Front Endocrinol 2021; 12: 741866. doi: 10.3389/fendo.2021.741866.